Full Face Lift : ศัลยกรรมดึงหน้า : บริการ

ศัลยกรรมดึงหน้า
Full Face Lift


การผ่าตัดดึงหน้า เทคนิค full face lift : เหมาะกับผู้ที่มีใบหน้าและคอย่น หย่อนคล้อยถึงแนวกราม-คาง เป็นการผ่าตัดดึงหน้าทั้งหน้า แก้ไขริ้วรอยความหย่อนคล้อยได้ทั่วทั้งใบหน้า

ทำความรู้จักเทคนิค full face lift คืออะไร?
เทคนิค full face lift เป็นการผ่าตัดดึงยกกระชับกล้ามเนื้อผิวที่มีความหย่อนคล้อย ริ้วรอยต่างๆ พร้อมกันทั้ง 3 ส่วน เป็นการผ่าตัดดึงหน้าทั้งหน้า โดยไล่ไปตั้งแต่บริเวณใบหน้าส่วนบน ใบหน้าส่วนกลางถึงส่วนล่าง และไปจนถึงบริเวณลำคอ โดยศัลยแพทย์จะใช้เทคนิคการตัดตกแต่งและดึงผิวหนังในส่วนที่เกินและมีความเหี่ยวหย่อนคล้อยมากๆ ออกอย่างเหมาะสม พร้อมทั้งดึงเย็บกล้ามเนื้อใบหน้าใหม่ให้ตึงขึ้น แก้ปัญหาริ้วรอยบริเวณหน้าผาก คิ้วและหนังตาที่ตกลง แก้มที่ห้อยย้อยลงไม่เท่ากันหรือเหี่ยวย่น ให้ผิวบริเวณนั้นกระชับขึ้นดูอ่อนเยาว์ โดยแผลผ่าตัดจะถูกออดแบบให้ซ่อนอยู่ในบริเวณไรผมเหนือศรีษะในจุดที่สังเกตไม่เห็น

การผ่าตัดดึงหน้าทั้งหน้า Full face lift เป็นการเปิดแผลบริเวณหน้าหูถึงหลังหู โดยศัลยแพทย์จะทำการเปิดเลาะผิวหนังไปถึงชั้นกล้ามเนื้อ แล้วแยกเอาผิวหนังชั้นบนและผิวหนังชั้น SMAS ออกมาอย่างละเอียดจัดการดึงให้ตึงพร้อมกันแล้วตัดส่วนเกินออกโดยเย็บให้ตึงที่สุด ยกกระชับกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้าส่วนกลาง ,ส่วนล่างและยกเก็บเหนี่ยงบริเวณลำคอ ทำให้ใบหน้าดูเรียวเป็นวีเชฟได้รูปมากขึ้นและคอดูยกกระชับเรียบเนียน ผลที่ได้ดูเป็นธรรมชาติอย่างมาก การผ่าตัดดึงหน้าทั้งหน้า Full face lift จะทำให้ใบหน้าดูมีอายุน้อยลงโดยเฉลี่ย10-20ปี

ข้อดีของการผ่าตัดดึงหน้า Full face lift เหมาะกับใครบ้าง?

  • ให้ผลลัพธ์การยกกระชับที่ชัดเจน ระยะคงอยู่อย่างเป็นถาวร
  • สามารถแก้ไขริ้วรอยความหย่อนคล้อยได้ทั่วทั้งใบหน้า
  • มีปัญหารอยย่นบริเวณหน้าผาก แม้ไม่ได้ยกคิ้วหรือขมวดคิ้ว
  • มีร่องแก้ม ร่อมน้ำหมากชัด ไม่สามารถแก้ไขด้วยการร้อยไหมหรือวิธีอื่นได้ผล
  • มีรอยย่นและเหนียงชัดบริเวณลำคอ
  • ริ้วรอยรอบดวงตาเยอะ หางตาตกลงมาไม่อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม


การเตรียมตัวสำหรับการเข้ารับบริการ

  • เตรียมความพร้อมของร่างกายให้เรียบร้อย ควรทำความสะอาดร่างกายเบื้องต้น อาบน้ำ สระผม ก่อนการผ่าตัด
  • ทำการงดน้ำงดอาหารก่อนการผ่าตัดเป็นเวลา 6 - 8 ชั่วโมง
  • งดอาหารเสริมทุกชนิดที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด ก่อนทำการผ่าตัด 2 อาทิตย์
  • งดยาต้านการอักเสบ เช่น แอสไพริน และบุหรี่ทุกชนิด
  • งดอาหารที่มีรสจัดทั้งก่อนและหลังทำการผ่าตัด ก่อนวันผ่าตัดควรทานอาหาร อ่อนๆ
  • ผู้ที่มีโรคประจำตัว โรคความดัน หรือโรคหัวใจควรปรึกษาแพทย์อย่างละเอียดว่าสามารถผ่าตัดได้หรือไม่
  • ใช้เวลาในการผ่าตัดประมาณ 1 - 2 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับเทคนิคของแพทย์
  • จัดเตรียมเสื้อผ้าที่ง่ายต่อการสวมใส่ เสื้อผ้าที่หลวมเหมาะสม เพื่อใส่ตอนกลับบ้าน


หลังการผ่าตัดดึงหน้าระยะเวลาการฟื้นตัวเป็นอย่างไร?

หลังการผ่าตัดทันทีจะมีอาการบวมเขียวและรอยช้ำ หรืออาจมีอาการชาร่วมด้วยโดยประมาณ 1-2 อาทิตย์ แพทย์จะแนะนำให้ทำการใส่ผ้ารัดหน้าเป็นตลอด 24 ชั่วโมงในช่วง 3 วันแรกหลังทำการผ่าตัด จากนั้นลดลงเหลือให้ใส่เฉพาะตอนนอนเท่านั้นอีกประมาณหนึ่งเดือน การใส่ผ้ารัดหน้าหลังศัลยกรรมดึงหน้าเพื่อช่วยในเรื่องของการเพิ่มระบบไหลเวียนของเลือด ลดอาการบวมและทำให้ฟื้นตัวจากการผ่าตัดได้รวดเร็วยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยจัดรูปหน้าให้อยู่ทรงอีกด้วย

สามารถกลับไปทำงานได้ตามปกติหลังจากทำการผ่าตัดโดยประมาณ 14 วัน อาการบวมช้ำที่หน้าจะค่อยๆดีขึ้นภายใน 2 อาทิตย์ และเห็นผลการผ่าตัดชัดเจนใบหน้าจะเริ่มเข้าที่ในระยะ 6-12 เดือน

ดูแลตัวเองอย่างไรให้ผ่าตัดดึงหน้าหายเร็ว?

  • ระมัดระวังไม่ให้แผลผ่าตัดโดนน้ำโดยตรงประมาณ 3 วัน ห้ามสระผมหรือโดนน้ำบริเวณแผลผ่าตัด ประมาณ 10-14 วัน เพื่อกันความเสี่องที่แผลอาจติดเชื้อได้
  • หลีกเลี่ยงการนอนราบและไม่ควรนอนคว่ำหน้าประมาณ 1 อาทิตย์ เพราะอาจเกิดการกระทบเทือนแผลผ่าตัดใหม่ได้ ให้นอนยกศีรษะสูงขึ้นกว่าตัว เพื่อลดอาการบวมช้ำ
  • หลังผ่าตัด 3-7 วัน อาจมีอาการบวมช้ำที่ขมับและบริเวณข้างเคียง หลังจากนั้นจะยุยบวมลงเรื่อยๆจนหายเป็นปกติ
  • ปฏิบัติตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด ควรพันผ้าตายืดบริเวณใบหน้า อย่างน้อย 3-5 วัน
  • รับประทานยาตามแพทย์สั่งครบตามกำหนด และรับประทานยาปฏิชีวนะวะนะจนหมด หากเกิดอาการแพ้ยา เช่น มีผื่นแดง, คัน, คลื่นไส้อาเจียน, แน่นหน้าอก ให้มาพบแพทย์ทันที
  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์, งดสูบบุหรี่ 1 สัปดาห์ หลังผ่าตัด และหลีกเลี่ยงอาหารที่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้หรือแผลอักเสบได้ เช่น ของหมักดอง ,อาหารที่มีโซเดียมสูงอาจทำให้แผลบวมคั่งมากขึ้นได้, เป็นต้น
  • หากมีอาการเลือดออกมากผิดปกติ หรือบวมมาก ควรติดต่อแพทย์โดยทันที